Tag

วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

จาก moon village เดินลุยน้ำไป pai forest home

เรื่องมันต่อเนื่องมาจาก ปาย Feb 2011 camera phone diary
ณ ศาลาที่ moon village




ทริปนี้เป็นทริปแรกที่ไปปายโดยที่คิดว่าอาจไม่ค่อยได้ถ่ายภาพอะไร เพราะไปสร้างบ้านไว้ที่นั่น ต่อไปคงได้ขึ้นไปบ่อย ๆ
ติดกล้องไปตัวเดียว เลนส์ 17-55 f 2.8 ตัวเก่ง เลือกเอา D90 ไปเพราะมันถ่ายวีดีโอได้ เผื่อว่ามีอะไรก็ได้ใช้ ปรากฏว่าได้ใช้ในวันนี้ เก็บเสียงเพลงเก็บความทรงจำดี ๆ ไว้

บ่ายวันว่าง ๆ ผมได้ยินเสียงขิมดังจากศาลาริมน้ำใกล้ ๆ
บางเพลงฟังแล้วรู้สึกว่ามันเป็นเพลงไทย
เลยถือกล้องเดินตามเสียงมา มาถึงยังไม่ทันไรก็ได้เจอกับการตั้งสายใหม่ที่คงใช้เวลาอีกนาน

หนุ่มญี่ปุ่นเอาตัวเทียบเสียงมาช่วยตั้งสาย ส่วนตัวเล็กนั้นมาช่วยยุ่ง
บางคนขยันหาฟืนมาไว้สำหรับรอบกองไฟ

ท่าทางรอการตั้งเสียงหลายสิบสายมันคงนานเกินรอ จากภาพคนแบกฟืน ข้างหลังคนนั้นเป็นลำธาร
ผมถือกล้องเดินลงลุยน้ำใสเย็นในลำธารหินที่ใหลรินเบา ๆ ผ่านบ้านโทรอน


เลยกอไฝ่ภาพบนพ้นมุมโค้งน้ำเล็ก ๆ นั้นมานิดเดียวจะพบกับต้นมะพร้าว 4 ต้นทางซ้ายมือ

ลำธารนี้ใหลมาจากน้ำตกหัวช้าง

ตรงนี้เป็น pai forest home บ้านผมเอง
ตั้งใจอยากให้เป็นบ้านแบบบ้านสวนบ้านป่า ปลูกดอกไม้ ต้นไม้ ผัก ผลไม้ ให้พอยังชีพได้ในวันที่โลกเริ่มมีปัญหาเรื่องอาหาร (คิดใกลไปหรือเปล่านี่)


ถ่ายจากบนระเบียงบ้าน

ช่างเดินกลับจากการไปตัดไม้ไผ่มาทำระเบียงหน้าบ้าน ใส่เสื้อแดงสีตัดกับทุ่งข้าวสาลี ถ้าเป็นงานบางสมาคมต้องมีการจัดฉากแน่ แต่นี่ของจริง

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

ปาย Feb 2011 camera phone diary ภาค 5 กับวันเดินทางกลับ

5 มีนาคม 2554
มุมที่ด้านทิศเหนือ เป็นที่ตั้งบ้านหลังแรก มีพนักงานคอยเฝ้าสะพาน ๆ ละตัว วางไม้พาดไว้ใช้ขนของก่อสร้างชั่วคราว อีกอันเอาไว้ซักผ้า อาบน้ำในช่วงที่ผ่านมาเพราะยังไม่มีห้องน้ำ แต่ถึงมีก็ยังน่ามาอาบอย่างนี้อยู่โดยเฉพาะช่วงร้อน ๆ นอนแช่เย็นสบาย



ห้องน้ำเป็นหน้าเป็นตาขึ้นมามาก

อ้วนไปตัดกล้วยมาเครือหนึ่ง ลูกใหญ่มาก เอามาเป็นของฝาก

ไป ๆ มา ๆ เลยอยู่ยาวเลย สิบกว่าวัน เนื่องจากงานที่ต้องทำยกเลิกเลยไม่ต้องรีบกลับ

อยู่กันนานจนหมาแถวนี้ไม่เห่าอีกเลย

ตัวนี้น่าจะชื่อมอม

อีกตัวชื่ออะไรไม่รู้  มาเสนอหน้าและพยายามยิ้ม
วันก่อนสองตัวนี้แสดงผลงานด้วยการไล่หนูที่จะแอบขึ้นบ้านเข้าป่าฝั่งนู้นไปเลย

ทางเดินเข้าต้องข้ามน้ำก่อน ตรงนี้มีมะม่วง ลิ้นจี่ ส้มโอ เดินลงไปจะเจอมะยม
มีต้นไม้ ผลไม่ใหญ่ออกผลกินได้เลยก็สนุกดี

เดินลงเนินมามองที่จากมุมข้างล่าง

ส้มโอ ไปอีกทีคงได้กินส้มโอสวนตัวเองแล้ว อีกสองอย่างคือมะม่วงเพิ่งออกช่อ มะยมเพิ่มเห็นดอกเล็ก ๆ

ดอกส้ม เห็นแล้วนึกถึงเรื่องมงกุฏดอกส้ม  มันเกี่ยวกันยังไงนะ

ลงมากินข้าวกึ่งเช้ากึ่งเที่ยง

ของหวานน่ากิน รอบนี้เล่นไปหลายถ้วยแล้ว

รอบนี้ฝากท้องไว้กับต้มเลือดหมูที่ข้างปั๊ม ปตท. หลายมื้อ ร้านนี้แนะนำเลย อร่อย ราคาบ้าน ๆ
เนื่องจากโจ๊กลุงอ๊อด กินได้เป็นบางวัน เพราะมันย่อยเร็ว ต้องกินวันที่มื้อต่อเนื่องไม่ห่างนัก ไม่งั้นหิวแย่

มีก๋วยเตี๋ยวเป็ด และ อย่างอื่นด้วย แต่ชอบเลือดหมูมากกว่า กินง่าย ๆ คล่องคอดี

หลับจากกินข้าวช่างเริ่มเอาตองตึงมามุงหลังคา

ถ้าพูดถึงความคงทนถาวร กระเบื้องดีกว่า แต่เอาบรรยากาศก็ต้องยอมมุงใหม่เป็นระยะ

มะละกอต้นในภาพข้างบน ได้กินลูกสุกมาหนึ่งลูกแล้ว

เดินมาบ้านเพื่อน ฝรั่งสาวเดินไปเที่ยวบ้านเรามานั่งคุยอยู่แถวนี้ มากันสามสี่คน คนไทยที่มาเคยทำร้านน้ำชาหรืออะไรนี่แหละอยู่ทางใต้

บ่าย มากหน่อยก็ได้เวลาเดินทาง แวะเติมน้ำมันกันมีลุ้นว่าจะถึงหรือไม่ ลงเขาไปค่ำแล้ว แวะกินข้าวต้มปลาแถวแม่ริม และทะเลลวก ร้านนี้กินหลายรอบแล้ว เดี๋ยวทริปหลังค่อยทำเรื่องแนะนำว่าอยู่ตรงใหน
เติม LPG เต็มถัง ลิตรละ 12.40 ปั้มนี้ราคาถูกที่สุดแถวนี้อยู่ออกจากเมืองไปทางลำปางประมาณ 12 กม. ราคาทั่วไปแถวนี้อยู่ที่ 12.99

ไปลำปางตรงไปบ้านฝ้ายที่พักตอนขาไปนั่นแหละ ครัวร้านอาหารปิดพอดี
คืนนี้เริ่มร้อน ไม่หนาวเหมือนตอนขาไป

แวะกินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยร้านมาแหม่

ชื่อมาแหม่เป็นภาษาพื้นเมือง ความหมายประมาณว่ามาชิมสิ


สุโขทัยออกมานอกเมืองจะมีปั๊ม LPG ใหม่ไม่แพงติดบ้านให้เห็นอยู่ จำราคาไม่ได้ แต่ถูกกว่าที่พิษณุโลกหน่อยนึง

และก็มาถึงมื้อกลางวัน

กวางผัดเผ็ด

เลยจากร้านที่กินไปเคยเห็นป้ายว่ามีฟาร์มกวาง เลยทำให้ร้านกับข้าวตามสั่งข้างทางมีกวางให้กินในราคาไม่แพง

ร้านนี้เคยได้มากินไปแล้วเมื่อทริปก่อน รอบนี้เลยแวะอย่างไม่ลังเล จานละ 30 หรือ 35 ประมาณนี้แหละครับ


ออกจากร้านมานิดเดียวก็จะถึงแยกนี้ หาไม่ยากหรอก สายนี้(พิษณุโลก-นครสวรรค์) ไม่ค่อยมีอะไรมาก

อาหารก่อนเย็นมาแวะที่ตลาดสามชุกร้อยปี ข้าวห่อใบบัวกับยำบกเหมือนกับขาไปนั่นแหละ

จากนั้นก็เดินเล่นหลังจากไม่ได้มานานแล้ว ดูว่าหลังจากตอนแรกที่เริ่มโปรโมทกับตอนนี้เป็นอย่างไร

ปรากฏว่า ตลาดสามชุกร้อยปีหลังจากโปรโมทแล้วยังคงความน่าเที่ยวไว้ได้ เหมือนจะมากกว่าเดิมด้วย
มีร้านค้ามากขึ้น ของน่าสนใจมากขึ้น ร้านขายของแบบหน้าตาย้อนยุคมีหลายร้านในราคาที่เรียกว่า ซื้อได้ ไม่ใช่แค่เดินชม ของหลายอย่างที่หาตลาดอื่นไม่มี ที่นี่มีขาย

เล็ง ๆ ไว้หลายอย่าง วันใหนขึ้นไปบ้านที่ปายจะแวะหาซื้อของใช้หน้าตาโบราญแถวนี้ไปใช้ที่นั่น

ไป ๆ มา ๆ ทริปนี้เล่นไปประมาณสิบสี่วัน ส่วนมากก็ใช้มือถือถ่ายแค่พอบันทึก กล้องใหญ่ใช้นิดเดียว

ทริปต่อไปพบกันใหม่ครับ

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554

ปาย Feb 2011 camera phone diary ภาค 4

28 Feb 2011
สาย ๆ เดินมาบ้านเพื่อน มีหนุ่มญี่ปุ่นมานั่งวาดอะไรเล่นอยู่  ดีใจใหญ่ที่ซื้อกระดาษสาหรือว่ามันเรียกอะไรก็ไม่รู้  ลายสวยซื้อมาในราคา 20 บาท

เดิน กลับบ้าน  ด้านบนของที่มีลำรางน้ำอย่างนี้คั่นระหว่าที่กับถนน เป็นน้ำจากน้ำตกหัวช้าง ชาวบ้านเรียกลำเหมือง  น้ำมันตกลงมาไม่สูงมากแต่น้ำแรงตลอด  กำลังศึกษาหาวิธีว่าพอจะทำไฟฟ้าพลังน้ำได้หรือไม่

เดินกลับมา ห้องน้ำเริ่มเป็นหน้าเป็นตาขึ้นแล้ว
จ้างคนขุดบ่อลงท่อมาต่างหากจากช่าง ราคาแถวนี้คิดค่าขุดปลอกละ 300

เดินกลับไปบ้านเพื่อนตอนบ่าย ๆ อีกรอบ
หนุ่มญี่ปุ่นยังคงวาดอะไรอยู่

ตกเย็นไปสั่งของ วงกบประตูสำหรับห้องน้ำ แล้วพาเพื่อนไปซื้อของขวัญเพื่อไปงานแต่งงาน
ตอนต่อไปจะมี  บรรยากาศงานแต่งแบบจัดกันเองแบบไม่สิ้นเปลือง  ง่าย ๆ แต่สวยงาม ดูเพื่อนเจ้าสาว ฟังเพลง


วันพุธที่ 2 มีนาคม 2554

กาดวันพุธ พุธก่อนมาซื้อที่นอนที่นี่ไปด้วย เป็นแบบพับ ๆ แบบชาวบ้านใช้
รอบนี้ไม่มีเน้นอะไร มาดูของกินของใช้ทั่วไป

เดินไปเดินมา เห็นชาวบ้านเขาเดินตามกันทำไมก็ไม่รู้เยอะเลย เหมือนไปดูอะไรกัน

ปรากฏ ว่ามาเข้าคิวซื้อน้ำมันพืชของทางการ เพราะถูกกว่าท้องตลาดเกือบครึ่ง ช่วงนี้ขายกันถึงขวดละเจ็ดสิบกว่าบาท แถมยังไม่ค่อยมีให้ซื้อ
วันนี้กินข้าวหน้าตึก  ไข่ดาวขึ้นราคา 2 บาท  ปีนี้รัฐบาล ประชาธิปปัตย์  ทุกอย่างทำสถิติในเวลาสั้น ๆ

ซื้อของเสร็จแวะไปเล่นแมวที่บ้านปายตาก่อนกลับ

ห้องน้ำกำลังขึ้นฝา

งานไม่ได้เร็วมากมายเพราะใช้ช่างสองคน ค่อย ๆ ทำไป

ซื้อเนื้อมาทำเนื้อแดดเดียว มีแมลงวันบ้าง เลยต้องคอยไล่

ซื้อหม้อดินมาหุงข้าวด้วย ซื้อข้าวกล้องในเวียงเหนือมาหุง

เย็นนี้ มีเพื่อนมากินด้วย มีเนื้อแดดเดียวทอด กับต้มยำเนื้อ ซื้อเนื้อมาครึ่งโล แบ่งทำสองอย่าง แต่หนักไปทางเนื้อทอด มันกินเล่นต่อได้

ปิดท้ายด้วยวิวทุ่งข้าวสาลีจากระเบียงบ้านตอนเย็น ๆ

3 มีค. 2554

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

ปาย Feb 2011 camera phone diary ภาค 3

มาต่อเรื่องบันทึกจากกล้องโทรศัพท์กัน

26 Feb 2011

เช้า ๆ ที่ระเบียง
หลังจากยุ่ง ๆ หลายวัน วันนี้เริ่มมีเวลาเปิดคอม

สัญญานเนทและโทรศัพท์ที่นี่ GSM และ DTAC
ส่วน TRUE อย่าว่าแต่ 3G หรือแค่สัญญานเนท โทรศัพท์ยังไม่มีสัญญานเลย

ทริปนี้ซื้อแอร์การ์ดมาเล่นหนึ่งอัน แค่ลอง ๆ ไม่ได้ใช้อะไรมาก ปรากฏว่าไปใช้ wifi ที่ร้านที่รู้จักกันเร็วกว่า



ซื้อมะม่วงมาจากกาดวันพุธ เลยได้ใช้บริการพริกที่นี่ มีหลายต้น พอกินแบบเหลือ ๆ เผ็ดสะใจแถมปลอดสารพิษ



อีกมุมหนึ่งของที่ เนินนี้จะมองเห็นศาลากิจกรรมของ moon village  กิจกรรมอะไรเดี๋ยวพบได้ในตอนต่อไป


ข้างบ้านตรงนี้กำลังจะทำห้องน้ำ ที่ใช้แค่กล้องโทรศัพท์เก็เพราะอย่างนี้แหละ แค่บันทึก ไม่อยากเปลืองชัตเตอร์



ออกไปกินเลือดหมูข้างปั๊ม ปตท. แต่ในภาพเป็นร้านส้มตำฝั่งตรงข้าม รสอีสานแท้ อีกหนึ่งทางเลือก



นอกจากไปสั่งวัศดุก่อสร้างแล้วยังได้ที่ใส่น้ำดินเผามาอันหนึ่ง

แสงตอนเย็น

อ้อ อีกอย่างที่ซื้อมาคืออันนี้
ที่นี่ไม่มีไฟฟ้า เลยได้ใช้เทียน ก็ได้บรรยากาศดี

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

ปาย Feb 2011 camera phone diary ภาค 2

24 ก.พ. 2553

อาจจะเหนื่อยจากการเดินทางที่ใกล แต่ก็ยังได้พบกับความรู้สึกดี ๆ กับทุ่งข้าวสาลียามเช้า




วันนี้ทำพื่นระเบียงหน้าบ้าน





ฉลองระเบียงใหม่ด้วยการนั่งกินสตอเบอรี่ที่ซื้อมาวันก่อน เพราะถ้าไม่รีบกินมันจะเสีย เพราะที่นี่ไม่มีตู้เย็น เพราะว่ายังไม่มีไฟ



เตาเพิ่งซื้อมาใหม่ ๆ เลย

ข้างบ้านเป็นเสื่ออัดลำพูน สีต้นฉบับคือที่วางไว้ข้างล่าง


หมาที่เห็นเป็นหมาส่วนกลางแถวนี้


นอกจากมะม่วงแล้วแถวนี้ยังมีฝรั่ง  แต่กินไม่ได้  เดี๋ยวต้องหาฝรั่งขี้นกมาปลูกไว้บ้าง
ที่ว่างข้างหน้าตอนนี้กำลังทำที่พักสำหรับแขกหรือเพื่อนฝูง เพราะบ้านนี้มันเล็ก ๆ แค่ห้องเดียว

บ้านจ้างช่างทำ เลยแค่ดู ๆ ว่าต้องการให้เป็นอย่างไรเท่านั้น เลยว่าง ๆ

พวกเราเดินไปบ้าน Ken


บ้านที่เห็นเป็นบ้านดิน ตานี่ทำเองกับมือทั้งหมด

 


รวมทั้งเตาด้วยที่เป็นดินปั้นเอง

มีคนทำกับข้าวอยู่พอดี


และแวะมาเยี่ยมอีกบ้านในกลุ่ม moon vilage

คนแถวนี้หลายคนเป็น vegetarian

แสงยามบ่ายแก่ ๆ



ถ้าชอบเด็กหน้าตาแนวนี้ ต้องหาแฟนเป็นญี่ปุ่น

ไม่รู้เพราะอะไร ผมมีความรู้สึกดี ๆ กับครัวของเธอ
 
25 ก.พ. 2553

ระเบียงไม้ไผ่เสร็จแล้ว


วิวทุ่งข้าวสาลีตอนเย็นมองจากระเบียงบ้าน

ค่ำ ๆ ออกไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินของปาย

อาหารค่ำ และ โรตีชีส


ด้วยที่เรายังติดน้ำเย็น ซื้อน้ำแข็งกลับมาด้วย


ปิดตำนานตำรวจร้องเพลง ณ ถนนคนเดินอำเภอปาย

พี่แกบอกว่าอีกสองสามวันจะย้ายกลับเชียงใหม่เนื่องจากปัญหาสุขภาพ


โจรมาร่ำลาด้วย